หน้าแรก -> อาทิตตปริยายสูตร

อาทิตตปริยายสูตร


นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ (๓ จบ)


พระอานนทเถรพุทธอุปัฎฐาก ได้กล่าวแสดงต่อคณะสงฆ์ ในการทําสังคายนาครั้งที่ ๑ ว่าดังนี้.-

ข้าพเจ้าได้ฟังจากพระผู้มีพระภาคเจ้าอย่างนี้ว่า ในสมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จประทับยับยั้งอยู่ที่ตำบลคยาสีสะ ใกล้แม่น้ำคยา พร้อมด้วยพระภิกษุพวกที่เคยเป็นชฎิลประมาณ ๑,๐๐๐ รูปฯ

ในกาลครั้งนั้นแล พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสเตือนสติภิกษุเหล่านั้น ให้ตั้งใจฟังและพิจารณาตามพระดํารัสของพระองค์อย่างนี้ว่าฯ

ภิกษุทั้งหลาย สิ่งทั้งปวงในโลกนี้ เป็นเหตุทําให้ใจเร่าร้อนฯ

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็อะไรเล่า ชื่อว่าเป็นเหตุทําให้ใจเร่าร้อนฯ

ภิกษุทั้งหลาย ตา เป็นเหตุทําให้ใจเร่าร้อน

รูป เป็นเหตุทําให้ใจเร่าร้อน

ความคิดฟุ้งซ่านเมื่อตาได้เห็นรูปทั้งที่ถูกใจและไม่ถูกใจ เป็นเหตุทําให้ใจเร่าร้อน

ความรู้สึกพอใจ ไม่พอใจ หรือรู้สึกเฉยๆ ที่เกิดขึ้นเพราะตาได้เห็นรูป ทั้งที่ถูกใจและไม่ถูกใจนั้น ก็เป็นเหตุทําให้ใจเร่าร้อนฯ

เร่าร้อนเพราะอะไร?

เร่าร้อนเพราะไฟคือราคะที่เกิดขึ้นในใจ มีความยินดีอยากจะให้ตาได้เห็นรูปที่ถูกใจนั้นอีก, ร้อนเพราะไฟคือโทสะที่เกิดขึ้นในใจ มีความหงุดหงิดขัดเคืองใจ เพราะได้เห็นรูปที่ไม่ถูกใจ, ร้อนเพราะไฟคือโมหะที่เกิดขึ้นในใจ เพราะหลงคิดว่ารูปที่ถูกใจนั้นจะมีให้เห็นอยู่ตลอดกาล แต่สภาพทุกๆ อย่างจะคงอยู่ตลอดกาลไม่ได้ เพราะมันไม่เที่ยง ต้องเปลี่ยนแปลงไป เสื่อมไป และต้องสลายไปเป็นธรรมดา,

ใจเร่าร้อนเพราะอยากให้รูปที่ถูกใจนั้นเกิดมีขึ้นมาอีก และใจเร่าร้อนเพราะไม่อยากให้รูปที่ไม่ถูกใจนั้นเกิดมีขึ้นมาอีก, ใจเร่าร้อนเพราะรูปที่ถูกใจนั้นจะต้องเสื่อมสลายไป, เร่าร้อนในใจ เพราะความโศกเศร้าคิดถึงรูปที่ถูกใจนั้น, เร่าร้อนในใจเพราะความร่ำไรรําพันใฝ่ฝันหารูปที่ถูกใจนั้น, เร่าร้อนในใจเพราะความพลัดพรากจากรูปที่ถูกใจนั้นและเพราะไม่สมหวังในรูปที่ถูกใจนั้น, เร่าร้อนใจเพราะความเสียใจที่ต้องหมดหวังในการที่จะได้รูปที่ถูกใจนั้นกลับคืนมา, เร่าร้อนใจเพราะความคับแค้นใจในการที่ต้องสูญสิ้นความหวังในรูปที่ถูกใจนั้น,

เพราะเหตุนี้เราจึงกล่าวว่า ตา และ รูป เป็นเหตุทําให้ใจเร่าร้อนฯ

หู เป็นเหตุทําให้ใจเร่าร้อน

เสียง เป็นเหตุทําให้ใจเร่าร้อน

ความคิดฟุ้งซ่านเมื่อหูได้ยินเสียงทั้งที่ถูกใจและไม่ถูกใจ เป็นเหตุทําให้ใจเร่าร้อน

ความรู้สึกพอใจ ไม่พอใจ หรือรู้สึกเฉยๆ ที่เกิดขึ้นเพราะหูได้ยินเสียง ทั้งที่ถูกใจและไม่ถูกใจนั้น ก็เป็นเหตุทําให้ใจเร่าร้อน

เร่าร้อนเพราะอะไร?

เร่าร้อนเพราะไฟคือราคะที่เกิดขึ้นในใจ มีความยินดีอยากจะให้หูได้ยินเสียงที่ถูกใจนั้นอีก, ร้อนเพราะไฟคือโทสะที่เกิดขึ้นในใจ มีความหงุดหงิดขัดเคืองใจ เพราะได้ยินเสียงที่ไม่ถูกใจ, ร้อนเพราะไฟคือโมหะที่เกิดขึ้นในใจ เพราะหลงคิดว่าเสียงที่ถูกใจนั้นจะมีให้ฟังอยู่ตลอดกาล แต่สภาพทุกๆ อย่างจะคงอยู่ตลอดกาลไม่ได้ เพราะมันไม่เที่ยง ต้องเปลี่ยนแปลงไป เสื่อมไป และต้องสลายไปเป็นธรรมดา,

ใจเร่าร้อนเพราะอยากให้เสียงที่ถูกใจนั้นเกิดมีขึ้นมาอีก และใจเร่าร้อนเพราะไม่อยากให้เสียงที่ไม่ถูกใจนั้นเกิดมีขึ้นมาอีก, ใจเร่าร้อนเพราะเสียงที่ถูกใจนั้นจะต้องเลือนหายไป, เร่าร้อนในใจเพราะความโศกเศร้าคิดถึงเสียงที่ถูกใจนั้น, เร่าร้อนในใจเพราะความร่ำไรรําพันใฝ่ฝันหาเสียงที่ถูกใจนั้น, เร่าร้อนในใจเพราะความพลัดพรากจากเสียงที่ถูกใจนั้น และเพราะไม่สมหวังในเสียงที่ถูกใจนั้น, เร่าร้อนใจเพราะความเสียใจที่ต้องหมดหวังในการที่จะให้เสียงที่ถูกใจนั้นกลับคืนมาอีก, เร่าร้อนใจเพราะความคับแค้นใจในการที่ต้องสูญสียความหวังในเสียงที่ถูกใจนั้น,

เพราะเหตุนี้เราจึงกล่าวว่า หู และ เสียง เป็นเหตุทําให้ใจเร่าร้อน

จมูก เป็นเหตุทําให้ใจเร่าร้อน

กลิ่น เป็นเหตุทําให้ใจเร่าร้อน

ความคิดฟุ้งซ่านเมื่อจมูกได้ดมกลิ่นทั้งที่ถูกใจและไม่ถูกใจ เป็นเหตุทําให้ใจเร่าร้อน

ความรู้สึกพอใจ ไม่พอใจ หรือรู้สึกเฉยๆ ที่เกิดขึ้นเพราะจมูกได้ดมกลิ่นทั้งที่ถูกใจและไม่ถูกใจนั้น ก็เป็นเหตุทําให้ใจเร่าร้อนฯ

เร่าร้อนเพราะอะไร?

เร่าร้อนเพราะไฟคือราคะที่เกิดขึ้นในใจ มีความยินดีอยากจะให้จมูกได้ดมกลิ่นที่ถูกใจนั้นอีก, ร้อนเพราะไฟคือโทสะที่เกิดขึ้นในใจ มีความหงุดหงิดขัดเคืองใจ เพราะได้ดมกลิ่นที่ไม่ถูกใจ, ร้อนเพราะไฟคือโมหะที่เกิดขึ้นในใจ เพราะหลงคิดว่ากลิ่นที่ถูกใจนั้นจะมีอยู่ตลอดกาล แต่สภาพทุกๆ อย่างจะคงอยู่ตลอดกาลไม่ได้ เพราะมันไม่เที่ยง ต้องเปลี่ยนแปลงไป เสื่อมไป และต้องสลายไปเป็นธรรมดา,

ใจเร่าร้อนเพราะอยากให้กลิ่นที่ถูกใจนั้นเกิดมีขึ้นมาอีก และใจเร่าร้อนเพราะไม่อยากให้กลิ่นที่ไม่ถูกใจนั้นเกิดมีขึ้นมาอีก, ใจเร่าร้อนเพราะกลิ่นที่ถูกใจนั้นจะต้องจางหายไป, เร่าร้อนในใจเพราะความโศกเศร้าคิดถึงกลิ่นที่ถูกใจนั้น, เร่าร้อนในใจเพราะความร่ำไรรําพันใฝ่ฝันหากลิ่นที่ถูกใจนั้น, เร่าร้อนในใจ เพราะความพลัดพรากจากกลิ่นที่ถูกใจนั้น และเพราะไม่สมหวังในกลิ่นที่ถูกใจนั้น, เร่าร้อนใจเพราะความเสียใจที่ต้องหมดหวังในการที่จะให้กลิ่นที่ถูกใจนั้นกลับคืนมาอีก, เร่าร่้อนใจเพราะความคับแค้นใจในการที่ต้องสูญสิ้นความหวังในกลิ่นที่ถูกใจนั้น,

เพราะเหตุนี้เราจึงกล่าวว่า จมูก และ กลิ่น เป็นเหตุทําให้ใจเร่าร้อนฯ

ลิ้น เป็นเหตุทําให้ใจเร่าร้อน

รส เป็นเหตุทําให้ใจเร่าร้อน

ความคิดฟุ้งซ่านเมื่อลิ้นได้ลิ้มรสทั้งที่ถูกใจและไม่ถูกใจ เป็นเหตุทําให้ใจเร่าร้อน

ความรู้สึกพอใจ ไม่พอใจ หรือรู้สึกเฉยๆ ที่เกิดขึ้นเพราะลิ้นได้ลิ้มรสทั้งที่ถูกใจและไม่ถูกใจนั้น ก็เป็นเหตุทําให้ใจเร่าร้อน

เร่าร้อนเพราะอะไร?

เร่าร้อนเพราะไฟคือราคะที่เกิดขึ้นในใจ มีความยินดีอยากให้ลิ้นได้ลิ้มรสที่ถูกใจนั้นอีก, เร่าร้อนเพราะไฟคือโทสะที่เกิดขึ้นในใจ มีความหงุดหงิดขัดเคืองใจ เพราะได้ลิ้มรสที่ไม่ถูกใจ, เร่าร้อนเพราะไฟคือโมหะที่เกิดขึ้นในใจ เพราะหลงคิดว่ารสที่ถูกใจนั้นจะมีอยู่ตลอดกาล แต่สภาพทุกๆ อย่างจะคงอยู่ตลอดกาลไม่ได้ เพราะมันไม่เที่ยง ต้องเปลี่ยนแปลงไป เสื่อมไป และต้องสลายไปเป็นธรรมดา,

ใจเร่าร้อนเพราะอยากให้รสที่ถูกใจนั้นเกิดมีขึ้นมาอีก และใจเร่าร้อนเพราะไม่อยากให้รสที่ไม่ถูกใจนั้นเกิดมีขึ้นมาอีก, ใจเร่าร้อนเพราะรสที่ถูกใจนั้นต้องจางหายไป, เร่าร้อนในใจเพราะความโศกเศร้าคิดถึงรสที่ถูกใจนั้น, เร่าร้อนในใจเพราะความร่ำไรรําพันใฝ่ฝันหารสที่ถูกใจนั้น, เร่าร้อนในใจเพราะความพลัดพรากจากรสที่ถูกใจ และเพราะไม่สมหวังในรสที่ถูกใจนั้น, เร่าร้อนใจเพราะความเสียใจที่ต้องหมดหวังในการที่จะให้รสที่ถูกใจนั้นกลับคืนมาอีก, เร่าร้อนใจเพราะความคับแค้นใจในการที่ต้องสูญสิ้นความหวังในรสที่ถูกใจนั้น,

เพราะเหตุนี้เราจึงกล่าวว่า ลิ้น และ รส เป็นเหตุทําให้ใจเร่าร้อน”

กาย เป็นเหตุทําให้ใจเร่าร้อน

สิ่งที่มาถูกต้องสัมผัสกาย เป็นเหตุทําให้ใจเร่าร้อน

ความคิดฟุ้งซ่านเมื่อกายได้สัมผัสกับสิ่งที่ถูกใจและไม่ถูกใจ เป็นเหตุทําให้ใจเร่าร้อน

ความรู้สึกพอใจ ไม่พอใจ หรือรู้สึกเฉยๆ ที่เกิดขึ้นเพราะกายได้สัมผัสกับสิ่งที่ถูกใจและไม่ถูกใจนั้น ก็เป็นเหตุทําให้ใจเร่าร้อน

เร่าร้อนเพราะอะไร?

เร่าร้อนเพราะไฟคือราคะที่เกิดขึ้นในใจ มีความยินดีอยากจะให้กายได้สัมผัสกับสิ่งที่ถูกใจนั้นอีก, เร่าร้อนเพราะไฟคือโทสะที่เกิดขึ้นในใจ มีความหงุดหงิดขัดเคืองใจ เพราะกายได้สัมผัสกับสิ่งที่ไม่ถูกใจ, เร่าร้อนเพราะไฟคือโมหะที่เกิดขึ้นในใจ เพราะหลงคิดว่าสิ่งที่ถูกใจนั้นจะมีมาสัมผัสกายตลอดกาล แต่สภาพทุกๆ อย่างจะคงอยู่ตลอดกาลไม่ได้เพราะมันไม่เที่ยง ต้องเปลี่ยนแปลงไป เสื่อมไป และต้องสลายไปเป็นธรรมดา,

ใจเร่าร้อนเพราะอยากให้มีสิ่งที่ถูกใจมาสัมผัสกายอีก และใจเร่าร้อนเพราะไม่อยากให้สิ่งที่ไม่ถูกใจนั้นมาสัมผัสกายอีก, ใจเร่าร้อนเพราะสิ่งที่มาสัมผัสกายอันถูกใจนั้นจะต้องเสื่อมสลายไป, เร่าร้อนในใจเพราะความโศกเศร้าคิดถึงสิ่งที่มาสัมผัสกายอันถูกใจนั้น, เร่าร้อนในใจเพราะความร่ำไรรําพันใฝ่ฝันหาสิ่งที่มาสัมผัสกายอันถูกใจนั้น, เร่าร้อนในใจเพราะความพลัดพรากจากสิ่งที่มาสัมผัสกายอันถูกใจนั้น และเพราะไม่สมหวังในสิ่งที่มาสัมผัสกายอันถูกใจนั้น, เร่าร้อนใจเพราะความเสียใจที่ต้องหมดหวังในการที่จะให้สิ่งที่มาสัมผัสกายอันถูกใจนั้นกลับคืนมาอีก, เร่าร้อนใจเพราะความคับแค้นใจในการที่ต้องสูญสิ้นความหวังในสิ่งที่มาสัมผัสกายอันถูกใจนั้น,

เพราะเหตุนี้เราจึงกล่าวว่า กาย และ สิ่งที่มาถูกต้องสัมผัสกาย เป็นเหตุทําให้ใจเร่าร้อนฯ

ใจที่มีความอยาก เป็นเหตุทําให้ใจเร่าร้อน

ความคิดในเรื่องราวต่างๆ เป็นเหตุทําให้ใจเร่าร้อน

ความคิดฟุ้งซ่านในเรื่องราวต่างๆ ทั้งที่ถูกใจและไม่ถูกใจ เป็นเหตุทําให้ใจเร่าร้อน

ความรู้สึกพอใจ ไม่พอใจ หรือรู้สึกเฉยๆ ที่เกิดขึ้นเพราะคิดในเรื่องราวต่างๆ ทั้งที่ถูกใจและไม่ถูกใจนั้น ก็เป็นเหตุทําให้ใจเร่าร้อน

เร่าร้อนเพราะอะไร?

เร่าร้อนเพราะไฟคือราคะที่เกิดขึ้นในใจ มีความยินดีอยากจะคิดในเรื่องราวที่ถูกใจนั้นอีก, เร่าร้อนเพราะไฟคือโทสะที่เกิดขึ้นในใจ มีความหงุดหงิดขัดเคืองใจ เพราะต้องคิดในเรื่องราวที่ไม่ถูกใจ, เร่าร้อนเพราะไฟคือโมหะที่เกิดขึ้นในใจ เพราะหลงคิดว่าเรื่องราวที่ถูกใจนั้นจะมีอยู่ตลอดกาล แต่สภาพทุกๆ อย่างจะคงอยู่ตลอดกาลไม่ได้ เพราะมันไม่เที่ยง ต้องเปลี่ยนแปลงไป เสื่อมไป และต้องสลายไปเป็นธรรมดา,

ใจเร่าร้อนเพราะอยากให้มีเรื่องราวที่ถูกใจเกิดมีขึ้นมาอีก และใจเร่าร้อนเพราะไม่อยากให้เรื่องราวที่ไม่ถูกใจนั้นเกิดมีขึ้นมาอีก, ใจเร่าร้อนเพราะเรื่องราวที่ถูกใจนั้นจะต้องสูญสิ้นไป, เร่าร้อนในใจเพราะความโศกเศร้าคิดถึงเรื่องราวที่ถูกใจนั้น, เร่าร้อนในใจเพราะความร่ำไรรําพันใฝ่ฝันหาเรื่องราวที่ถูกใจนั้น, เร่าร้อนในใจเพราะความสูญเสียเรื่องราวที่ถูกใจนั้น และเพราะไม่สมหวังในเรื่องราวที่ถูกใจนั้น, เร่าร้อนใจเพราะความเสียใจที่ต้องหมดหวังในการที่จะให้เรื่องราวที่ถูกใจนั้นกลับคืนมาอีก, เร่าร้อนใจเพราะความคับแค้นใจในการที่ต้องสูญสิ้นความหวังในเรื่องราวที่ถูกใจนั้น,

เพราะเหตุนี้เราจึงกล่าวว่า ใจที่มีความอยาก และ ความคิดในเรื่องราวต่างๆ เป็นเหตุทําให้ใจเร่าร้อนฯ

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เมื่อพระอริยสาวกได้ยินได้ฟังและเห็นอยู่อย่างนี้แล้ว

อริยสาวกเหล่านั้น ย่อมมีความเบื่อหน่าย ตา

ย่อมมีความเบื่อหน่าย รูปทั้งหลาย

ย่อมเบื่อหน่ายความคิดฟุ้งซ่านเมื่อตาได้เห็นรูปทั้งที่ถูกใจและไม่ถูกใจนั้น

ความรู้สึกเบื่อหน่ายความคิดอันฟุ้งซ่านอย่างนี้ เกิดขึ้นเพราะการที่ตาได้เห็นรูปที่ชอบใจ ไม่ชอบใจ หรือรู้สึกเฉยๆ นั้น จึงไม่อยากคิดถึงตาและรูปทั้งหลายอีกต่อไป เพราะเป็นเหตุทําให้ใจเร่าร้อน

อริยสาวกเหล่านั้น ย่อมเบื่อหน่าย หู

ย่อมเบื่อหน่าย เสียงทั้งหลาย

ย่อมเบื่อหน่ายความคิดฟุ้งซ่านเมื่อหูได้ยินเสียงทั้งที่ถูกใจและไม่ถูกใจนั้น

ความรู้สึกเบื่อหน่ายความคิดอันฟุ้งซ่านอย่างนี้ เกิดขึ้นเพราะการที่หูได้ยินเสียงที่ชอบใจ ไม่ชอบใจ หรือรู้สึกเฉยๆ นั้น จึงไม่อยากคิดถึงหูและเสียงทั้งหลายอีกต่อไป เพราะมันเป็นเหตุทําให้ใจเร่าร้อน

อริยสาวกเหล่านั้น ย่อมเบื่อหน่าย จมูก

ย่อมเบื่อหน่าย กลิ่นทั้งหลาย

ย่อมเบื่อหน่ายความคิดฟุ้งซ่านเมื่อจมูกได้ดมกลิ่นทั้งที่ถูกใจและไม่ถูกใจนั้น

ความรู้สึกเบื่อหน่ายความคิดอันฟุ้งซ่านอย่างนี้ เกิดขึ้นเพราะการที่จมูกได้ดมกลิ่นที่ชอบใจ ไม่ชอบใจ หรือรู้สึกเฉยๆ นั้น จึงไม่อยากคิดถึงจมูกและกลิ่นทั้งหลายอีกต่อไป เพราะมันเป็นเหตุทําให้ใจเร่าร้อนฯ

อริยสาวกเหล่านั้น ย่อมเบื่อหน่าย ลิ้น

ย่อมเบื่อหน่าย รสทั้งหลาย

ย่อมเบื่อหน่ายความคิดฟุ้งซ่านเมื่อลิ้นได้ลิ้มรสทั้งที่ถูกใจและไม่ถูกใจนั้น

ความรู้สึกเบื่อหน่ายความคิดอันฟุ้งซ่านอย่างนี้ เกิดขึ้นเพราะการที่ลิ้นได้ลิ้มรสที่ชอบใจ ไม่ชอบใจ หรือรู้สึกเฉยๆ นั้น จึงไม่อยากคิดถึงลิ้นและรสทั้งหลายอีกต่อไป เพราะมันเป็นเหตุทําให้ใจเร่าร้อนฯ

อริยสาวกเหล่านั้น ย่อมเบื่อหน่าย กาย

ย่อมเบื่อหน่าย สิ่งที่มาถูกต้องสัมผัสกาย

ย่อมเบื่อหน่ายความคิดฟุ้งซ่านเมื่อกายได้สัมผัสกับสิ่งที่ถูกใจและไม่ถูกใจนั้น

ความรู้สึกเบื่อหน่ายความคิดอันฟุ้งซ่านอย่างนี้ เกิดขึ้นเพราะการที่กายได้สัมผัสกับสิ่งที่ชอบใจ ไม่ชอบใจ หรือรู้สึกเฉยๆ นั้น จึงไม่อยากคิดถึงกายและสิ่งที่มาสัมผัสกายอีกต่อไป เพราะมันเป็นเหตุทําให้ใจเร่าร้อน

อริยสาวกเหล่านั้น ย่อมเบื่อหน่าย ใจที่มีความอยาก

ย่อมเบื่อหน่าย ความคิดเรื่องราวต่างๆ

ย่อมเบื่อหน่ายความคิดฟุ้งซ่านเมื่อใจรู้เรื่องราวต่างๆ ทั้งที่ถูกใจและไม่ถูกใจนั้น

ความรู้สึกเบื่อหน่ายความคิดอันฟุ้งซ่านอย่างนี้ เกิดขึ้นเพราะการที่ใจมีอารมณ์ชอบคิดในเรื่องราวต่างๆ ที่ชอบใจ ไม่ชอบใจ หรือรู้สึกเฉยๆ นั้น จึงไม่อยากคิดถึงใจที่มีความอยากและความคิดเรื่องราวต่างๆ อีกต่อไป เพราะมันเป็นเหตุทําให้ใจเร่าร้อน

เมื่ออริยสาวกเหล่านั้น มีความเบื่อหน่ายอยู่อย่างนี้ ย่อมไม่คิดยินดีอยู่ในสิ่งเหล่านั้นอีกฯ

เพราะไม่คิดยินดีอยู่ในสิ่งเหล่านั้น จิตก็หลุดพ้นจากกิเลสเครื่องรัดรึงใจทั้งหลายฯ

เมื่อจิตหลุดพ้นจากกิเลสเครื่องรัดรึงใจทั้งหลายแล้ว ก็มีความรู้ทราบชัดแน่นอนว่า หมดสิ้นความเกิดแล้ว ไม่ต้องมาเวียนว่ายตายเกิดอีกต่อไปแล้ว เป็นการอยู่ในพรหมจรรย์อันบริสุทธิ์หมดจดดีแล้ว กิจที่จะต้องทํา คือการตัดกิเลส ก็ได้ทําเสร็จส้ินแล้ว กิจอย่าง
อื่นที่จะต้องทําเพื่อความเป็นผู้หมดจดจากกิเลสอย่างนี้ ก็ไม่มีอีกแล้วฯ

ครั้นเมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าได้ทรงแสดงธรรมอันเป็นเหตุทําให้ใจเร่าร้อนอย่างนี้แล้วฯ

ภิกษุทั้งหลายเหล่านั้นก็มีความเพลิดเพลินยินดีในธรรมที่พระพุทธองค์ทรงตรัสแล้วนั้นฯ

ก็ในขณะที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงกล่าวแสดงความละเอียดพิสดารของธรรมอันเป็นเหตุทําให้ใจเร่าร้อนอยู่นั่นแล

จิตของภิกษุประมาณ ๑,๐๐๐ รูปนั้น ก็หลุดพ้นจากกิเลสเครื่องรัดรึงใจทั้งหลาย ไม่คิดยินดี ไม่คิดอยากจะเกาะติดอยู่ใน ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ และ รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส อารมณ์คิดถึงเรื่องราวต่างๆ นั้นอีกต่อไปแลฯ

บอร์ดธรรมะ

สารบัญ